ก็ไม่เป็นไร

มีโซ่ของเหตุการณ์ที่ร้อยกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน 

เริ่มจากหลับไม่สนิทเลยตั้งแต่ช่วงตรุษจีน อากาศก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนกินข้าวไม่ลง แล้วผิวตรงใกล้ๆก้นกบก็เริ่มอักเสบขึ้นมา น้องสาวไปเจอลูกแมวโดนทิ้งที่ข้างบ้าน ไปเก็บมาพาไปหาหมอ ลูกแมวร้องงอแงจนเรานอนไม่ได้อีก ทั้งที่อีกสองวันจะเริ่มงานใหม่ ไปเริ่มงานใหม่ ต้องเดินราวๆสิบนาที 

ตรงที่อักเสบบวมขึ้นจนเหมือนมีก้อนอะไรมาโปะอยู่ตรงหลัง เริ่มเดินไม่ถนัด นอนหงายไม่ได้ สะดุ้งตื่นทุกครั้งที่พลิกตัว

แล้วมันก็อักเสบร้าวจนยืนหลังตรงไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ดันขาไปข้างหลังไม่ได้ เดินไม่ได้ ต้องคลานไปคลานมาอยู่กับพื้น ขยับตัวทีก็น้ำตาเล็ด เคลื่อนไหวไม่ได้เลยเพราะเจ็บมาก 

ทั้งเจ็บทั้งกลัว เรารู้จักโรคนี้ทุกอย่าง รู้ว่าจะรักษายังไง รู้ว่ามันรักษาให้หายขาดไม่ได้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็น เคยเป็นเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นก็ทรมานมาก แต่ไม่มากเท่านี้ เครียดจนน้ำตาไหลพรากๆได้ แต่ก็ต้องกลั้นไว้ ถ้าร้องแล้วครั้งนึง มันจะร้องอีกเรื่อยๆ 

ขอให้น้องที่รู้จักกันพาไปหาหมอ คนที่บ้านที่รู้ว่าป่วยไม่มีใครอยากจะไป รู้ว่าจะต้องโดนคว้านเนื้อออกไป แต่เราเจ็บไม่ไหวแล้ว 

ผ่าตัดเสร็จ แต่มันแค่เริ่มต้น หลังจากนั้นต้องทำแผลทุกวัน ล้างแผลทุกวัน เอาผ้าก๊อซยัดเข้าไปในแผลทุกวัน เจ็บที่สุด เจ็บกว่าตอนผ่าซะอีก เจ็บจนเดินไม่ได้ไปพักนึง แต่ก็ต้องเดินเพราะต้องไปทำงาน กินยาเลื่อนประจำเดือนเพราะไม่อยากให้มันมาชนกัน ยาทำให้คลื่นไส้ และอารมณ์แปรปรวน 

จิตตกกว่าตอนที่รู้ว่ามีวิธีผ่าตัดที่ทำให้หายขาดได้ แต่ไม่มีหมอในประเทศนี้ที่ทำได้ ตอนนั้นแผลยังลึก เจ็บทุกวัน คิดแต่ว่ามันจะเป็นอีกนานขนาดไหนก็ไม่รู้ ต้องล้างแผลไปอีกเท่าไหร่ แล้วยังค่าล้างแผลวันละเกือบสามร้อยทุกวันๆ ห้ามแสดงความเจ็บหรืออ่อนแอให้คนในบ้านเห็น คนที่ป่วยคือคนไม่ดูแลตัวเอง เป็นเรื่องสมควรที่จะโดนลงโทษ

พยายามกินโปรตีน กินเนื้อสัตว์ กินถั่ว กินทุกอย่างที่บอกว่าแผลจะปิดเร็วขึ้น และเลี่ยงทุกอย่างที่จะทำให้อักเสบหรือขัดขวางการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ

แผลตื้นขึ้นเร็วจนน่ากลัวว่ามีช่องว่างข้างล่างรึเปล่า แต่เนื้อก็ปิดไปแล้ว ถ้ามันมีช่อง มีอะไรอยู่ตรงนั้น ตราบเท่าที่มันไม่เป็นอะไร มันก็ไม่เป็นอะไร 

ตอนนี้หยุดยาทุกอย่างแล้ว 

แผลเหลือแค่ราวๆครึ่งเซนติเมตร 

มีแค่อาการปวดตัว และ รู้ว่ากระดูกบิดจากที่ไม่ได้นอนหงาย แต่หมอปรับกลับมาได้ อยู่ดี

 

 

วันนี้ ไปหาน้องสาวของเพื่อนในทีแอล ไม่เคยเจอกันมาก่อน รู้แต่ว่าเขาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอหยุดให้คีโมแล้ว และรักษาตามอาการ อายุเท่าๆกับเรานี่เอง

มีคำถามเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเดินออกจากห้องล้างแผลว่า ทำไม

ทำไมเราถึงจะไปพบกับคนที่เราไม่รู้จักที่รู้ว่าเขากำลังจะตาย 

ทำไมถึงจะสร้างความรู้จักกับเขา 

อาจเป็นเหตุผลคล้ายๆกับตอนที่ถามตัวเองว่าทำไมถึงต้องเก็บแมวป่วยมาพยาบาลพาไปหาหมอทุกวันจ่ายเงินวันละมากๆ

เพราะเรามีสองทางเลือก และเราทนรับผลที่จะเกิดขึ้นถ้าเราเลือกอีกทางเลือกนึงไม่ได้ 

เพราะเราเองก็กลัวว่าวันนึงเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดกับเรา และเราก็อยากให้มีคนทำดีกับเราบ้างในเหตุการณ์นั้น

ไม่มีหลักประกันเลยว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด จะมีคนทำดีกับเรารึเปล่า

แต่เพราะเรารู้จักความเจ็บปวดแบบนั้นดี 

ถ้าเราสามารถทำให้มันเบาบางลงได้ เราก็จะทำนะ 

นั่นเป็นทางเลือก และเรารับผลที่เกิดขึ้นจากทางเลือกนี้ได้

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่มันก็ไม่เป็นไร 

 

A for you face

Have you ever graded yourself?
C for your body
B for your face

We was born and raised with this grades.

Elementary - Intermediate - Advance

But there are also things we can't really measure.

Feeling and idea and creativity

Grades and numbers are artificial.

Made to measure and control society.

If you understand, you will know that

losing to someone lower than you is not as painful as it is.

And you're ugly when you're angry ;)

Cause I hadn't said welcome before she started talking.

หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก 

จบแล้ว ไม่เป็นไร อย่าตกใจ 

ตอนนี้มีแค่ตัวฉัน กับ ความคิดของฉัน 

ถ้าจะมีอะไรทำร้ายเราได้ ก็มีแต่ตัวเรากับความคิดของเรา

จบแล้ว ไม่เป็นไร 

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจากนี้ มันคือตัวเรากับความคิดของเรา

ทั้งหมดเป็นของเรา 

หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก 

ตอนนี้มีแต่ฉัน กับความคิดของฉัน

ถ้าจะโดนทำร้าย คือฉันเท่านั้น

หายแล้ว

สงบแล้ว

โอเค

อย่าให้ตัวเองทำร้ายตัวเอง 

เก่งมาก

_________________________________

 

เชี่ยแม่งเอ๊ยยยยยยยยยยยย 

นี่มันเหี้ยไรวะ กำลังคิดอยู่เลยว่าได้ยินเสียงก็ความดันจะขึ้นแล้ว 

เหมือนแบบ War mode start 

แล้วแม่งก็ War mode start จริงๆ

คือเอาจริง ฉันไม่ควรเขียนเรื่องพวกนี้ลงไปบนอินเตอร์เนตป่ะวะ

แต่แบบ ช่วงนี้มันแย่ลงๆ เหมือนมีอะไรซักอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง

แบบนี่มันคือฉันจะดีขึ้น หรือว่าฉันกำลังขึ้นไปจุดสูงสุดของรถไฟเหาะแล้วกำลังจะร่วงลงมา

ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วฉันพูดอะไรไม่ได้ ฉันอยากให้มีคนรู้ว่ามันเกิดแม่งไรขึ้น

เรื่องมีอยู่ว่า นั่งพับผ้าวางไว้รอบๆตัว แล้วเปิดโน้ตบุ๊คไว้ด้วย แล้วเขากลับจากไปเที่ยวมา

เดินขึ้นมา แล้วฉันนั่งหันหลังให้ เขาก็ถามว่านี่อะไร ก็บอกว่าพับผ้าไว้ เดี๋ยวจะแยกเอาลงไปเก็บ

รู้ตัวอีกทีก็โดนตบหัว คือมันก็ไม่ได้ตบแรงเว้ย แต่แบบเขาก็พูดว่าทำไมไม่สวัสดีแม่

ฉันก็บอกว่านี่ฉันไม่เห็นเขาด้วยซ้ำ มาถึงเขาก็มาทัก แล้วอยู่ๆมาตีฉันทำไม 

เขาก็แบบ พูดจบก็ต้องพูดสิว่าสวัสดีค่ะคุณแม่

กุไม่เคยเรียกเขาว่าคุณแม่มาเป็นยี่สิบปีแล้ววววววววววววววววววววววววววว

เขาติดใจไรนักหนาคำว่าคุณแม่วะ เวลาเล่าให้เพื่อนตัวเองฟังแล้วจะพูดว่าฉันกับน้องคุยกับเขา 

จะต้องแทนเหมือนว่าฉันกับน้องเรียกเขาว่าคุณแม่มาตลอด

แม่งมีฟิลเตอร์ในหัวรึไง ทุกคำที่เรียกว่าแม่ต้องกรองผ่านเข้าไปเป็นคำว่าคุณแม่

ก็บอกกลับว่านี่เพิ่งตอบคำถามนะ ยังไม่ได้อะไรก็ตีเราก่อน เขาถึงได้รีบเปลี่ยนเรื่องเป็นเรื่องงาน

แล้วก็ถามคำถามที่เคยตอบเป็นสิบๆครั้งไปแล้ว 

แล้วเขาก็เดินลงไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อน เรื่องปกติหลังจากกลับจากไปเที่ยว จะต้องนินทาใครซักคนในกรุ๊บทันที

แล้วกุก็แพนิคแอทแทค 

มันใช่ไหมเนี่ย กว่าจะรวบรวมสติกลับมาบอกตัวเองว่าทุกอย่างมันจบแล้ว

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้คือตัวเรา

คือความรับผิดชอบของเรา คือเราแม่งคิดมาก คิดไปเองจนเป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาเอง

ไอ้บ้าเอ๊ย 

เอาสิบนาทีที่ต้องท่องกับตัวเองซ้ำๆคืนมา 

แล้วก็กลายเป็นโกรธ แล้วก็คิดแต่ว่าต้องควบคุมความโกรธไว้ 

แค่โดนตีหัว แต่ถ้าจะร้องไห้หรืออาละวาด มันคือเราควบคุมตัวเองไม่ได้

จะคำว่า อดทนไว้ แข็งใจไว้ ไม่เป็นไร แม่งก็ไม่มีประโยชน์เลย 

ทนมาตลอด ไม่ต้องมีใครมาบอกให้ทนหรอก

และเป็น ไม่ใช่ไม่เป็น 

อยากจะมีกล้องวงจรปิดถ่ายฉันไว้ยี่สิบสี่ชม.เอาไปให้อะไรซักอย่างให้เขาออกคำสั่งศาลจะได้ไปจากที่นี่ให้พ้นๆไป

ถ้ายังไม่สติหลุดจนทำอะไรบ้าๆขึ้นมา เกิดจะออกจากที่นี่ แม่งก็ต้องใช้วิธีทำให้ตัวเองเป็นเหยื่อ และกุเป็นคนผิดอยู่ดี

ข้ออ้างทั้งนั้น

แต่ตอนนี้แม่งคิดเหี้ยไรไม่ออกจริงๆ

มลพิษแท้ๆ

แม่งเอ๊ย 

หายวับ

เคยอยากจะนั่งๆอยู่แล้วก็หายวับไป - กล้องค้างไว้ในตำแหน่งนั้น มีเสียงออฟซีนเรียกชื่อ

ตัดภาพเป็นสถานที่ที่มีคนเยอะๆเดิน - ถ่ายตรงดาดฟ้าตรงที่ไปนั่งบ่อยๆ

ถ่ายพวกพืชอวบน้ำ - กล้องปรับโฟกัสไปที่ประตู

ถ่ายสมุดจดที่โดนลมจากพัดลมเป่ากระดิกๆ

ถ่ายแมวข้างบ้าน

ถ่ายภาพมุมกว้างของตรงที่ฉันนั่งอยู่เมื่อกี้

เห็นแสงกระพริบจากมือถือ บอกว่ามีข้อความเข้า

ถ่ายภาพมุมกว้างของตรงที่ฉันนั่งอยู่เมื่อกี้

b/o แต่ยังได้ยินเสียงแอมเบียนซ์ต่ออีกสิบวินาที

เครดิตขึ้น เป็นตัวอักษรสีขาวบนจอสีดำ

คนดูลุกออกจากโรง ด่าว่าหนังห่าอะไรวะเนี่ย

แต่นั่นเป็นชีวิตของฉัน


###

ไม่ต้องห่วงนะ โทรไปนัดเวลเนสแล้ว

ดีเพรสชั่นสไตรค์

ไม่เคยรู้สึกว่าการใช้ชีวิตยากขนาดนี้ นี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน แต่ฉันน่าจะเป็นซึมศร้าอยู่แบบ ณ ตอนนี้วินาทีนี้เลย ได้แต่ยืนเฉยๆ ไม่ทำอะไร แค่จะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้ายังต้องรวบรวมสติบอกตัวเองให้ทำทีละขั้นๆ งานที่ต้องทำเป็นปกติก็เหมือนจะยากมาก ทำไมเผลอแป๊บเดียวก็ไปยืนเฉยๆไม่ทำอะไรอีกแล้ว แล้วพอคิดว่าเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ ก็ต้องพยายามคิดถึงอะไรซักอย่าง เพื่อรวบรวมสติ จะได้ทำอะไรต่อไปได้ แล้วก็เกี่ยวเอาความคิดที่ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันขึ้นมา เหมือนสนใจสิ่งที่ไม่ควรสนใจ ทำไมเสียรถข้างนอกดังขนาดนี้ ทั้งที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด อ้าว ไปยืนเฉยๆไม่ทำอะไรอีกแล้ว หิวแต่ต้องแต่งตัวก่อน ต้องทาครีม ต้องเก็บผ้า ตากผ้าก่อน ทำไมกว่าจะได้กินข้าวถึงต้องทำอะไรเยอะขนาดนั้น ไม่กินแล้วได้ไหม แต่หิวจัง


รู้สึกว่านี่ต้องเป็นความเศร้า ถ้าร้องไห้จะหายใช่ไหม แต่ไม่เห็นร้องไห้เลย ร้องไม่ได้ เลยไม่หายซะที ไม่รู้สึกดีขึ้น เกิดอะไรขึ้น รวบรวมสติหน่อย ลุก ลุก จะได้กินข้าวนะ ลุก กดโพสท์ซะ จะได้ลุก ไปกินข้าวนะ

ไม่ได้เศร้า เลย แต่เหมือนแรงในการมีชีวิตหายไปเฉยๆ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรกับฉัน

ต้องกลับไปเวลเนสอีกแล้วรึเปล่านะ

รู้สึกบ่อยๆว่าเมื่อไหร่มันจะจบลง อะไรก็ตามที่บีบเราไว้ เวลาคนบอกว่าชีวิตเราลำบากตลอด ก็คิดนะว่าไม่เห็นจะลำบากเลย แต่จริงๆแล้วลำบาก ลำบากมาก
ในที่นี้ เป็นสิ่งไม่จริง แต่ฉันขาดสิ่งไม่จริงนี้ไม่ได้

อยากจะเป็นคนปกติ แต่จริงๆแล้วความปกติคืออะไร
ถ้าความปกติคือคนหมู่มาก ก็ไม่อยากจะเป็นคนปกติในสังคมนี้

ดีใจมากเวลาที่คนบอกว่าที่เจออยู่ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไป เหมือนมีคนเข้าใจ บ้าง

ไม่ใช่ว่าจะไร้ความสุข
แต่ก็ไม่อยากจะแสดงความทุกข์ออกไป
เวลาที่หายไป อาจจะหายไปโดนตบหรือโดนด่าอยู่ หรือหายไปทำอะไรที่มีความสุขอยู่ก็ได้

อยากจะแสดงออกบ้าง ว่ามันไม่โอเคนะ
แต่ฉันอยากจะเป็นคนที่โอเค แม้กระทั่งในที่ที่ไม่จริง

ทำแบบนั้นแล้วก็จะรู้สึกว่า เราโอเค

ฉันโอเค

พรุ่งนี้จะโอเค